สวัสดีชาวโอเวอร์คล๊อกโซน วันนี้ที่เป็นการเปิดตัวของ 10th Gen Intel Core ที่เป็นการศักราชใหม่ของโปรเซสเซอร์สำหรับเดสก์ท็อปในแพลตฟอร์มระดับเมนสตรีมจาก Intel อย่างที่หลายๆคนทราบกันดีว่า 10th Gen Intel Core S-Series นั้นใช้สถาปัตยกรรม Comet Lake-S ขนาดขบวนการผลิต 14 nm. ในรูปแบบแพ็คเกจ LGA1200 ที่ยังมีการชูจุดเด่นด้วยความถี่สัญญาณนาฬิกาสูงระดับ 5Ghz+ ที่ช่วยให้ประสิทธิภาพในการเล่นเกมทำออกมาได้อย่างไหลลื่น และ ด้วยจำนวนคอร์และเทรดที่มีมาให้ ก็ยังสามารถตอบโจทย์ในการทำงาน รองรับการประมวผลที่สลับซับซ้อนได้อย่างสบาย ซึ่ง 10th Gen Intel Core S-Series จะมีโมเดลระดับเรืองธงคือ Core i9-10900K ที่มาด้วยความถี่สัญญาณนาฬิกาสูงสุด 5.3 Ghz มาพร้อมกับ 10 คอร์ 20 เธรด เทียบชั้นกับแพลตฟอร์มระดับไฮเอนด์ อย่าง Intel X-Series ได้เลย Intel Core i9-10900K จะเป็นโมเดลเดียวที่มีเทคโนโลยี Intel Thermal Velocity Boost (Intel TVB) ที่จะปรับเพิ่มความถี่สัญญาณนาฬิกาทั้งในรูปแบบ Single Core และ Multi Core โดยระบบจะคำนวนจากความร้อนซีพียูขณะเวลานั้นๆ ผนวกกับความต้องการของ Work Load ในช่วงเวลาขณะใช้งาน ที่สูงกว่า Intel Turbo Boost 2.0 และ Intel Turbo Boost MAX 3.0 ส่วนใครที่กำลังเล็ง 10th Gen Intel Core ในโมเดลอื่นยังไม่ต้องน้อยไจไป เพราะยังมีฟีเจอร์ Intel Turbo Boost 2.0 และ Intel Turbo Boost MAX 3.0 ขึ้นอยู่กับโมเดลที่รองรับ
หน้าตาของแพ็คเกจ 10th Gen Intel Core ที่จะมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ แต่อินเทลยังคุมโทนสีที่ออกมาตามแบบฉบับของอินเทลอยู่ครับ โดยในกลุ่มโมเดล K หรือ KF ที่เป็นแบบ "Unlock" จะไม่มีชุดระบายความร้อนมาให้ ซึ่งในการประกอบเครื่องใหม่ก็ควรกันงบประมาณในส่วนนี้ด้วย
ภาพที่แสดงถึงโครงสร้างภายใน Die ของ Intel Core i9-10900K โดยองค์ประกอบของ 10 คอร์ที่วางเรียงเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ส่วน Cache L3 หรือ Intel Smart Cache ที่ทุกคอร์ ทุกเธรด จะสามารถใช้งานได้จากชุดเดียวกัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวผลที่ดีขึ้น เมื่อเทียบกับการนำ Cache L3 แยกไปแต่ละคอร์ หรือ มีมากกว่า 1 ชุด
เมนบอร์ดชิพเซ็ตคู่บุญ 10th Gen Intel Core มันก็คือ Intel 400 Series ที่เราจะเห็นได้การออกมาของ Intel Z490 มาก่อนตัวอื่น ซึ่งจากเท่าที่ผมนั่งอ่านข้อมูลมาพอสมควร มันจะรองรับ 11th Gen Intel Core รวมไปถึงเมนบอร์ดจากหลายๆตัวที่ผมได้สัมผัสมา จะมีการรองรับ PCIe 4.0 แต่ใส่เครื่องหมายดอกจันเล็กๆ เตรียมไว้รองรับในอนาคต ซึ่งมันก็คงคือ 11th Gen Intel Core มาต่อกันสิ่งที่ทาง Intel ได้ผลักดัน ให้ผู้ใช้งานได้เพิ่มประสบการณ์ที่ดีขึ้นในสิ่งที่เราจับต้องได้คือ 2.5G Ethernet ที่เตรียมรับการเชื่อมต่อเครือข่ายและอินเตอร์เน็ตความเร็วมากกว่า 1Gbps ขึ้นอยู่กับออฟชั่นที่ผู้ผลิตเมนบอร์ดจะใส่มาให้ ถ้าต้องการใช้ 2.5 Gหรือ 10G Ethernet เลือกเมนบอร์ดโมเดลที่ใส่มาให้ครับ โดยทางด้านการเชื่อมต่อเครื่องข่ายไร้สายที่จะมี Intel AX201 Wi-Fi 6 ใช้งานได้จริงกับความเร็วระดับ 1Gbps แบบไร้สาย เมนบอร์ดบางโมเดลอาจจะไม่มี Wi-Fi 6 มาให้ แต่บางโมเดลใจดีมีสล็อตไว้รองรับการอัพเกรดจากผู้ใช้งานได้ภายหลัง ถ้าดูโดยภาพรวมผ่านๆ มันก็ไม่ได้ต่างจาก Intel Z390 มากนัก
Intel Turbo Boost MAX 3.0 เทคโนโลยีนี้จะช่วยปรับความเร็วให้สูงสุด ตามความต้องการในการใช้งานของระบบในแบบ Dual Core ตามที่ระบบมีความต้องการสูงสุดในขณะนั้น โดยจะช่วยลดจุดอ่อนในการใช้เล่นเกม หรือ การประมวลผลที่สลับซับซ้อน ที่ต้องการความถี่สัญญาณนาฬิกาสูงๆเพื่อประสิทธิภาพในการทำงาน ไม่ได้จำกัดในการบูสสัญญาณนาฬิกาจะเป็นที่คอร์ไหน ซึ่งพีเจอร์ Intel Turbo Boost MAX 3.0 จะถูกใส่มากับ Core i9 และ Core i7
ในการโอเวอร์คล็อก 10th Gen Intel Core S-Series รองรับการปรับแต่งจากซอร์ฟแวร์ Intel Extreme Tuning Utility อัพเดทในยุค 10th Gen Intel Core จะรองรับการปรับแต่งที่มีความละเอียดซับซ้อนในการปรับแต่งเพื่อการโอเวอร์คล็อกเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งในส่วนซอร์ฟแวร์ Intel Performance Maximizer ที่มีการอัพเดทการทำงานเพิ่มเติม ที่คาดว่าคงจะเค้นประสิทธิภาพได้ดีกว่าในยุคที่ผ่านมา
ในส่วนของ Intel Performance Tuning Protection Plan เป็นแผนคุ้มครองการโอเวอร์คล็อก ซึ่งในกรณีของการโอเวอร์คล็อกมันไม่ใช่การทำงานมาตรฐานของผู้ผลิต ถ้าเกิดเสียหายจากการโอเวอร์คล็อกแบบหลุดโลกยังก็ยังสามารถเคลมซีพียูได้ แต่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ที่ประมาณ 20 USD ในโมเดล K และ KF จะมีค่าใช้จ่ายเท่ากันทุกโมเดล อารมณ์เหมือนแผนเสริมอารมณ์ซื้อ Apple Care Plan จะซื้อหรือไม่ซื้อก็แล้วแต่ผู้ใช้งาน สามารถอ่านรายละเอียด Intel Performance Tuning Protection Plan เพิ่มเติมได้ที่นี่
10th Gen Intel Core ในโมเดล K หรือ KF ที่ทางอินเทลดูเหมือนจะสนับสนุนการโอเวอร์คล็อกมาก เพราะทาง Intel ได้มีคำแนะนำในการโอเวอร์คล็อกรูปแบบต่างๆ ให้ผู้ใช้งานได้ศึกษาเพิ่มเติม โดยเท่าที่อ่านดูมองว่าละเอียดมากทั้งการปรับแต่งซีพียูและเมโมรีในไบออส แม้ทางอินเทลจะมีเครื่องมือปรับแต่งจากในวินโดวน์อยู่แล้ว
สำหรับรายละเอียดของ Intel Core i9 10 คอร์ 20 เธรด และ Core i7 8 คอร์ 16 เธรด ที่จะมีการทำตลาดมา โดยโมเดล K และ KF ที่เป็นแบบ "Unlock" จะมีค่า TDP125Watt คาดว่าถ้าจะโอเวอร์คล็อกมันคงจะปล่อยความร้อนสูงกว่า TDP125 Watt โดยโมเดลพื้นฐานที่ไม่รองรับการโอเวอร์คล็อกจะเป็น TDP65 Watt
มาถึงกลุ่มของ Intel Core i5 6 คอร์ 12 เธรด และ Core i3 4 คอร์ 8 เธรด โดยเทคโนโลยีบูสความถี่สัญญาณนาฬิกาจะมาเป็นเพียง Intel Turbo Boost 2.0 แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมาก โดยใน 10th Gen Intel Core เราจะไม่เห็นกับ Core i3 ที่เป็นโมเดล K หรือ KF แบบ Unlock โดยค่า TDP จะอยู่ที่ 65 Watt ยกเว้น Core i5-10600K และ Core i5-10600KF ที่จะมีค่า TDP 125 Watt และ มี Base Clock สูงกว่า 800 Mhz ถ้าเทียบกับ Core i5-10600 ครับ
มาถึง Pentium Gold 2 คอร์ 4 เธรด และ Celeron 2 คอร์ 2 เธรด จะไม่มีเทคโนโลยีการบูสความถี่สัญญาณนาฬิกาใดๆ แต่ Base Clock มากันที่สูงสุดระดับ 3.4-4.2 Ghz ในกลุ่มนี้ โดยค่า TDP จะลดลงมาที่ 58 Watt
มากับซีพียูรหัสพิเศษ "T" ที่จะมีค่า TDP 35 Watt เท่านั้น ในการใช้งานเฉพาะทางประกอบเครื่องบางๆ คิดว่าในบ้านเราคงไม่มีขายอย่างเป็นทางการ เพราะปกติผมก็สั่งจากต่างประเทศมาใช้ทำพวก File Server ,Network Core และ เครื่องคอมเน้นความบันเทิงในบ้าน โดยใน Core i9-10900T จะไม่มี Intel Thermal Velocity Boost (Intel TVB) แต่ก็มี Intel Turbo Boost MAX 3.0 ใน Core i9-10900T เหมือน Core i7-10700T ในส่วนของ Base Clock ถ้าเทียบในกลุ่ม "T" จะลดลงมากว่าโมเดลปกติ
10th GEN INTEL CORE Detail
มาถึง 10th Gen Intel Core ที่เราได้รับมาจากทาง Intel เพื่อใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพให้ได้รับชมกัน แพ็คเกจไม่ได้เป็นของที่ขายจริงครับ
เปิดมาข้างในเราจะเจอแผ่นอะคริลิค ที่ทำลายจุดสี่เหลี่ยมธีมเดียวกับกล่องที่วางขายจริง
10th Gen Intel Core ที่ทาง Intel ส่งมาให้จะมี Core i5 และ Core i9 โดยทางอินเทลนั้นได้เน้นจุดเด่นมากับการเล่นเกม ที่ก็ไม่แปลกที่อินเทลกล้าชูจุดนี้ครับ ด้วย 10th Gen Intel Core จะมีการบูสความถี่สัญญารนาฬิกาสูงสุดระดับ 5.3 Ghz ในโมเดล Core i9-10900K
หน้าตาของ Intel Core i9-10900K ที่ดูจากภายนอกนั้นมันไม่ได้แตกต่างกับยุค 9th Gen Intel Core เท่าไรนัก แต่ดูที่รอยบาก ที่เปลี่ยนใหม่ เพื่อเข้ากับบ่ารับของ Socket LGA1200
มาถึงหน้าสัมผัสของ LGA1200 ถ้าดูผ่านๆนั้นจะไม่ได้แตกต่างจาก LGA115X เท่าไรนัก แต่ลองมองดีๆมันจะมีความละเอียดมากกว่า ถ้าใครว่างก็ลองนับให้ดูหน่อยจุดสัมผัสมันมีครบ 1200 จุดหรือไม่
Socket LGA1200 เรื่องชุดระบายความร้อนยัง ใช้ของเดิมกับ LGA115X ได้เลย เท่ากับว่าตั้งแต่ 1st Gen Intel Core จนถึง 10th Gen Intel Core ใช้กันได้หมด ใครมีขุดระบายความร้อนดีๆอยู่แล้วยังไม่ต้องซื้อใหม่
10th GEN INTEL CORE Preformance Compare
วันนี้เราจะไม่ได้มาเจาะจงรีวิวซีพียูเป็นรุ่น แต่เราจะมาเทียบประสิทธิภาพเบี้ยงต้นกับ 10th Gen Intel Core ใน S-Series ทั้งหมด 4 โมเดลที่ทางเรามีอยู่ในมือ ตัวแรก Core i9-10900K ระดับราคาเกือบสองหมื่นบาท โมเดลต่อมา Core i7-10700K ราคาหมื่นกลาง ต่อด้วย Core i5-10600K ราคาเกือบหนึ่งหมื่นบาท และ Core i5-10400 ที่ระดับราคาหกพันกว่าบาท
ถ้าใครใช้โมเดล K หรือ KF แบบ "Unlock" ที่รองรับการโอเวอร์คล็อก แล้วอยากจะแรงเพิ่มให้เหนือว่าสเป็คมาตรฐาน ควรจะต้องกันงบชุดระบายความร้อนที่ดีด้วย แล้วในการใช้งานจริงภายในเคสแนะนำว่าจัดระเบียบภายใน เพื่อการระบายความร้อนที่ดีที่สุดครับ แต่จากที่ผมลองดูเล่นๆกับการโอเวอร์คล็อกแบบใช้งานจริงกับ Core i9-10900K ,Core i7-10700K และ Core i5-10600K โอเวอร์คล็อกแบบ All Core ที่ความเร็ว 5.2-5.4 Ghz เพียงเท่านี้ก็รู้สึกไหลลื่นมากขึ้นกับการใช้งานและการเล่นเกม ถ้าเทียบกับสเป็คมาตรฐานของอินเทล โดยไบออสเมนบอร์ดแบรนด์ ASUS หรือ ROG เท่าที่ผมได้จับมา ต้องทำการอัพเดทไบออสเพื่อปลดล็อกการจ่ายพลังงานของภาคจ่ายไฟด้วย ลำพังแค่จะทดสอบความร้อนและการใช้พลังงานของ Core i9-10900K ยังไม่สามารถทำได้เลยครับ ขณะที่ผมนั่งเขียนอยู่ยังมีไบออสออกมาอัพเดทอีกครับ ของ ASUS - ROG ในเวอร์ชั่นก่อน 0508 จะไม่มีให้ปลดล็อกการจ่ายพลังงาน ส่วน GIGABYTE-AORUS ไม่เจอปัญหานี้
Conclusion
วันนี้คงจะได้ทราบถึงเรื่องราว และ ประสิทธิภาพเบี้องต้นของ 10th Gen Intel Core S-Series สถาปัตยกรรม Comet Lake-S ขนาดขบวนการผลิต 14 nm. ในรูปแบบแพ็คเกจ LGA1200 กันเรียบร้อยแล้วทั้ง 4 โมเดล ซึ่งในรีวิวของซีพียูแต่ละตัวทางเราจะทำแยกกันออกมาเป็นแต่ละโมเดลไป ที่สามารถติดตามได้จาก Overclockzone.com และ ทาง Overclockzone TV จาก Youtube ที่จะปล่อยรีวิว Intel Core i9-10900K มาก่อน ตัวอื่นก็จะทะยอยปล่อยออกมาเช่นกัน ซึ่งในภาพรวมของ 10th Gen Intel Core S-Series ประสิทธิภาพก็จะดีขึ้นมาระดับนึง ถ้าเทียบกับ 9th Gen Intel Core S-Series เพราะทางอินเทลใช้การเพิ่มคอร์ และ เธรด ขึ้นมา รวมไปถึงการบูสความถี่สัญญาณนาฬิกาให้สูงขึ้น โดยเทียบกันง่ายๆ Core i7 มันก็คือ Core i9 ในยุคที่แล้วนั้นเอง แต่สิ่งที่ทางอินเทลนั้นได้ปูทางมาในแง่ของประสบการณ์ในการใช้งานมากขึ้น เอาเป็นสิ่งที่สัมผัสและมองเห็นได้ชัดเจนคือเรื่องการเชื่อมต่อเครือข่าย 2.5Gbps และ Wi-Fi 6 ที่จะช่วยเสริมประสบการณ์ในการใช้คอมพิวเตอร์ทั้งด้านการเล่นเกม ,การทำงาน และ สร้างสรรค์ผลงาน ในปี 2020 แต่ถ้าเราเจาะลงรายละเอียดดีๆของแพลตฟอร์ม LGA1200 ด้วยเมนบอร์ดชิพเซ็ต Intel Z490 ที่มีการปูทางมารองรับ 11th Gen Intel Core ด้วยเมนบอร์ดบางแบรนด์มีการระบุเอาไว้ถึงการรองรับ PCI Express 4.0 ในอนาคตอีกด้วย แน่นอนว่าอนาคตยังไม่แน่นอน ต้องดูกันอีกทีเมื่อถึงเวลา ทางด้านการใช้งาน 10th Gen Intel Core S-Series ที่ยังคงทรงประสิทธิภาพตามแบบฉบับของอินเทล ที่ด้วยการบูสความถี่สัญญาณนาฬิกามาระดับ 5 Ghz+ ที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการใช้งาน การเล่นเกม และ การประมวลผลที่ซับซ้อนได้เป็นอย่างดี ส่วนสายโหดนักโอเวอร์คล็อกและสนุกกับการโอเวอร์คล็อก 10th Gen Intel Core S-Series การลากบัสแรมในระดับ 5000Mhz ก็เก็บเงินหรือคัดแรมรอได้เลย ทางด้านการโอเวอร์คล็อกความถี่สัญญาณนาฬิกา ตัวแปรสำคัญอยู่ในเรื่องการะบายความร้อนเป็นหลัก พร้อมกับการปรับจูนไฟ เพื่อจะนำพา 10th Gen Intel Core S-Series ให้ความถี่สัญญาณนาฬิกาวิ่งไปได้สูงขึ้น สำหรับวันนี้ผมก็ต้องขอลากันแต่เพียงเท่านี้ สวัสดีครับ
Special Thanks : Intel Microelectronics (Thailand)