พูดถึงเว็บบราวเซอร์ก็ต้องบอกว่าไมโครซอฟท์นั้นมีช่วงเวลาที่ยากลำบากมาตลอด นับตั้งแต่ยุคเริ่มต้นของอินเทอร์เน็ตที่กว่าจะข้ามผ่าน Netscape Navigator (Browser Wars) มาได้ก็ต้องมาเจอกับคู่ปรับตัวฉกาจอย่าง Opera, Firefox และโดน Google Chrome ยึดครองบัลลังก์เจ้าแห่งบราวเซอร์มาอย่างยาวนานจวบจนปัจจุบัน
แม้จะมีการใช้กลยุทธเปลี่ยนชื่อ Internet Explorer มาเป็น Edge เพื่อลบล้างภาพจำเก่าๆ (ที่ไม่สู้ดีนัก) รวมไปถึงการพัฒนาขีดความสามารถต่างๆ ให้ทัดเทียมกับ Google Chrome แต่ก็ยังไม่สามารถสร้างความน่าเชื่อถือหรือมีแรงจูงใจในการเชื้อเชิญผู้ใช้งานกลับมาใช้งานบราวเซอร์ของตัวเองได้
แต่เชื่อว่าอีกไม่นานนี้ ช่วงเวลาที่ยากลำบากของไมโครซอฟท์กำลังจะผ่านไปและน่าจะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญเมื่อการซุ่มพัฒนาบราวเซอร์ Edge เวอร์ชั่นใหม่กำลังจะเสร็จสมบูรณ์และพร้อมที่จะปล่อยให้ดาวน์โหลดไปใช้งานได้อย่างเป็นทางการในวันที่พรุ่งนี้ (15 มกราคม 2563)
แม้ในบทความนี้เราจะใช้ Microsoft Edge เบต้า (Version 79.0.309.58 - Official build) แต่ก็เป็นบิลด์ที่ถือว่าสมบูรณ์ใกล้เคียงเวอร์ชั่นอย่างเป็นทางการที่กำลังจะเปิดตัวในสัปดาห์หน้ามากๆ ซึ่งใครที่ไม่อยากรอก็สามารถไปดาวน์โหลดมาทดลองใช้งานได้แล้ววันนี้ที่หน้าเว็บเพจทางการของ Microsoft Edge Insider หรือคลิกที่ลิงค์นี้ -> ดาวน์โหลด Microsoft Edge Beta
ทำไม Microsoft Edge ใหม่ถึงน่าสนใจ?
วันนี้เราจะอาสาพาไปดูบราวเซอร์ตัวใหม่ของไมโครซอฟท์ที่สื่อหลายสำนักทั่วโลกชื่นชมว่านี่แหล่ะคือบราวเซอร์ที่มีโอกาสแย่งบัลลังก์คืนจาก Google Chrome ได้ จริงไม่จริงอย่างไร? มีแนวโน้มแค่ไหน? ตามมาดูกันเลยครับ
เอนจิ้น Chromium เหมือน Google Chrome
ไฮไลท์ของ Microsoft Edge ใหม่อย่างที่ทราบข่าวไปก่อนหน้านี้ว่าไมโครซอฟท์จะโยนเอนจิ้นเดิมของตัวเองทิ้งแล้วหยิบเอนจิ้น Chromium แบบเดียวกับที่ใช้อยู่ใน Google Chrome มาใช้ หรือจะเรียกว่าเป็นลูกผสมระหว่างการออกแบบสไตล์ไมโครซอฟท์แต่ใช้แกนหลักเดียวกันกับบราวเซอร์ยอดนิยมในปัจจุบัน ซึ่งการใช้แกนหลักเดียวกันกับ Chrome สิ่งที่ผู้ใช้งาน Microsoft Edge จะได้สัมผัสนอกจากเรื่องประสิทธิภาพความเร็ว นั่นก็คือการใช้ Extension ที่เป็นส่วนขยายหรือปลั๊กอินเสริมการทำงานเหมือนกับ Google Chrome เสียที (ผ่านทาง Microsoft Store) ในขณะเดียวกันยังมีออปชั่นให้เลือกติดตั้งส่วนขยายจาก Chrome Web Store ได้ด้วย
หน้าตาดี ฟีเจอร์ใหม่
เรื่องของอินเทอร์เฟซยังคงกลิ่นอายของ Edge ไว้ค่อนข้างชัดเจน ดูดีมีสไตล์ ผสมผสานการจัดวางตำแหน่งที่ดูเรียบง่ายเหมือน Chrome โดยเมนูการตั้งค่ายังคงถูกเก็บรวมไว้ในปุ่มเมนูมุมขวาบนเหมือนเดิม โดยรวมยังไม่ได้มีอะไรผิดแปลกไปมาก ทำให้ไม่ต้องปรับตัวอะไรก็ใช้งานได้สบาย
ในการติดตั้งใช้งานครั้งแรกยังมีการแนะนำและช่วยเหลือผู้ใช้ในการอิมพอร์ตการตั้งค่ารวมไปถึงบุ๊กมาร์คต่างๆ จากบราวเซอร์เดิม การ Sync แอคเคาตน์ของไมโครซอฟท์เพื่อใช้งานข้อมูลการท่องเว็บและรหัสผ่านในหลายอุปกรณ์ได้
ฟีเจอร์ที่ว้าวมากและเชื่อว่าทุกคนต้องชอบคือการสนับสนุนการทำงานร่วมกับ Chromecast ในตัว ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ทำให้หลายคนไม่สามารถตัดใจจาก Google Chrome ได้ คราวนี้ Microsoft Edge สามารถ Cast หน้าเว็บโดยเฉพาะบรรดาวิดีโอหรือทีวีออนไลน์ไปยังสมาร์ททีวีในห้องนั่งเล่นได้อย่างง่ายดายแล้ว
ฟีเจอร์ที่หลายคนถามถึงอย่าง “Dark Mode” สำหรับใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อย (หรือคนชอบธีมสีเข้มๆ) ก็ถูกใส่มาให้เป็นฟีเจอร์มาตรฐานแล้ว โดยสามารถเข้าไปตั้งค่าได้ที่เมนู “Settings -> Appearance -> Theme -> Dark”
ที่น่าสนใจคือฟีเจอร์ “Read-aloud” ที่เราสามารถสั่งให้บราวเซอร์อ่านข้อมูลบนหน้าเพจให้ฟังได้ทันที ซึ่งจะบอกว่าสามารถอ่านภาษาไทยได้ด้วยนะ อาจจะไม่ชัดเป๊ะ 100% แต่ก็ฟังรู้เรื่องใช้ได้เลย เหมาะมากในการเอาไว้อ่านหัวข้อข่าวตอนเช้าๆ โดยไม่ต้องมานั่งจ้องหน้าคอม
Tracking Prevention ที่เก่งขึ้น
สิ่งที่ไมโครซอฟท์ทำการบ้านมาดีมากนั่นก็คือการปรับปรุงเรื่องของการรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานซึ่งจุดนี้เป็นจุดอ่อนที่ Google Chrome โดนโจมตีมาตลอด ซึ่งใน Microsoft Edge นั้นจะมาพร้อมฟีเจอร์ "Tracking Prevention" ที่มีประสิทธิภาพด้วยการใช้เทคนิคการบล็อกหรืออนุญาตผ่าน Tracking Protection Lists (TPLs) ซึ่งมีโครงสร้างการจัดเก็บลิสต์แบ่งเป็นหมวดหมู่แยกไว้อย่างชัดเจนและจะได้รับการอัพเดตอย่างสม่ำเสมอจากไมโครซอฟท์
ฟีเจอร์ Tracking Prevention จะถูกเปิดการทำงานเป็นค่าเริ่มต้นอยู่แล้ว แต่ผู้ใช้งานสามารถเข้าไปตั้งค่าเพิ่มเติมได้ที่เมนู "Settings -> Privacy and services –> Tracking prevention -> On" โดยจะมีระดับความเข้มข้นในการป้องกันให้เลือก 3 ระดับคือ "Basic", "Balanced" และ "Strict" โดยมีรายงานต่างประเทศลองทดสอบแล้วพบว่าระดับการป้องกันแบบ “Balanced” สามารถป้องกันและบล็อก Ads และ Trackers ได้มีประสิทธิภาพที่สุดและดีกว่า Google Chrome อย่างเห็นได้ชัด
Bing Search ปลอดภัยกว่า ค้นหาอินทราเน็ตได้
Edge จะมาพร้อม Bing Search ที่ไมโครซอฟท์บอกว่ามีความปลอดภัยและมีความเป็นส่วนตัวยิ่งกว่าเดิมเมื่ออยู่ใน "InPrivate Mode" ซึ่งแม้ในบราวเซอร์อื่นๆ ก็มี โหมดไร้ตัวตนลักษณะนี้แต่ความจริงก็คือยังคงมีข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานรั่วไหลรวมไปถึงการถูกติดตามอยู่ดี
นอกจากนี้ Bing ที่มากับ Edge เวอร์ชันใหม่ล่าสุดนี้ยังถูกเพิ่มความสามารถในการทำงานร่วมกับอินทราเน็ตขององค์กร โดยผู้ใช้งานสามารถค้นหาเพื่อนร่วมงาน ตำแหน่งที่ตั้งออฟฟิศ แผนกและชั้นต่างๆ รวมไปถึงนโยบายของบริษัทได้ด้วย ซึ่งความสามารถใหม่นี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับโซลูชั่น Microsoft 365 ในการเข้าถึงข้อมูลขององค์กรและหน่วยงานได้อย่างสะดวกสบายในแบบที่ไม่มีบราวเซอร์ใดทำได้มาก่อน
กิน RAM น้อยกว่า Chrome
ข้อนี้สำคัญ อย่างที่รู้กันว่า Google Chrome ในระยะหลังนั้นกินทรัพยากรระบบมากขึ้นเรื่อยๆ จนน่าตกใจ แต่ผู้ใช้ยังจำต้องฝืนทนใช้งานต่อเพราะไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่า (บางคนหันมาใช้ Firefox แต่ฟีเจอร์ก็ไม่ครบไม่สะดวกเท่า) ข่าวดีก็คือ Microsoft Edge ตัวใหม่นี้จะกิน RAM น้อยกว่า Chrome อย่างชัดเจน ซึ่งการทดสอบ Browser Speed Test ก็ให้ตัวเลขที่ชัดเจนว่า Microsoft Edge ทำงานได้เร็วที่สุดเหนือ Chrome และ Firefox แม้จะเป็นแค่เวอร์ชั่น Beta ก็ตาม โดยอัตราการใช้หน่วยความจำของ Edge นั้นจะน้อยกว่า Chrome เฉลี่ยประมาณ 25-30%
(ข้อมูล: android authority)
สรุป: ได้เวลาลบ Chrome ออกจากเครื่อง?
จากการทดลองใช้งานมาซักพัก รู้สึกได้เลยว่า Microsoft Edge บนพื้นฐาน Chromium มีความเป็นเว็บบราวเซอร์ที่มาถูกทิศถูกทางโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเวอร์ชั่นก่อนหน้า ให้ความรู้สึกกระฉับกระเฉง รวดเร็ว เหมือนสมัยที่ใช้ Chrome ใหม่ๆ และด้วยการที่มันมีฟีเจอร์ที่สามารถใช้งานแทน Chrome ได้เกือบ 100% ไม่ว่าจะเป็นการรองรับ Extensions (อาจจะยังไม่มากเท่าแต่จะเพิ่มขึ้นแน่นอนในอนาคต) การรองรับ Chromecast และการจัดการการใช้หน่วยความจำที่ดีกว่า ไม่แน่ว่าหลังจากที่คุณลองใช้งานแล้ว อาจจะตัดสินใจปลดประจำการ Chrome ได้ง่ายกว่าที่คิด!